บทเพลง โนเบล ขับร้องโดย ภูมิจิต Feat. ตุล ไวฑูรเกียรติ
บทเพลงเพื่อชิวิต ถือเป็นภาพสะท้อนทางสังคมอีกด้านหนึ่ง ที่เป็นภาพแห่งประสบการณ์ของผู้แต่งเพลงและเหตุการณ์ส่วนหนึ่งของสังคม จึงนับได้มีความเป็นจริงของสังคมแฝงอยู่ สังคมจึงมีอิทธิพลต่อบทเพลง หรือต่อนักแต่งเพลง สภาพการณ์ของปัจจัยต่างๆทางสังคมย่อมเป็นสิ่งที่สามารถกำหนดโลกทัศน์ และชีวทัศน์ของนักแต่งเพลงได้เป็นอย่างดี
ในส่วนของบทเพลงโนเบลกล่าวถึง “ค่านิยมของคนไทย” ที่แปรเปลี่ยนไปตามสมัยนิยม การดำรงชีวิตของคนไทยมีการเปลี่ยนแปลงไปในทุกๆด้าน อาทิ ด้านการศึกษา ด้านสังคม และด้านศาสนา เป็นต้น ซึ่งจากบทเพลงสามารถสะท้อนสังคมไทยในแต่ละด้าน ดังนี้
๑. ด้านการศึกษา เนื้อเพลงสะท้อนให้เห็นว่า ในโลกสังคมอุดมปัญญาเช่น
ปัจจุบัน คนไทยให้ความสำคัญกับวุฒิการศึกษามากเกินไป จึงทำให้เกิดแนวความคิดที่ว่า ใบปริญญาบัตรมีค่ามากกว่าความรู้ที่มี เพราะเป็นเครื่องการันตีความสะดวกสบายในอนาคต ด้วยเหตุนี้ส่งผลให้คนไทยไม่เห็นเห็นคุณค่าของการศึกษา และนำความรู้ที่มีอยู่ไปใช้ในทางที่ผิดอยู่บ่อยครั้ง
๒. ด้านสังคม เนื้อเพลงสะท้อนให้เห็นว่า สังคมไทยในปัจจุบัน เครื่องมือการสื่อ การ และสื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยแห่งการศึกษา วัยรุ่นไทยให้ความสำคัญกับสื่อชนิดนี้เป็นอย่างมาก จนแทบจะยกให้สื่อชนิดนี้กลายเป็นครูผู้สอนที่ไม่มีชีวิตก็ว่าได้ เพราะเมื่ออยากค้นหา อยากเรียนรู้อะไร ก็สามารถใช้สื่อชนิดนี้ได้เลย นอกจากนี้สังคมไทยยังเต็มไปด้วยการแกร่งแย่งแข่งขันกันในสังคม ผู้แพ้หรือผู้ที่อ่อนแอจะไม่สามารถยืนหยัดอยู่บนสังคมได้ ซ้ำยังได้รับการดูถูกดูแคลนจากคนหมู่มาก ส่วนคนที่มีความรู้ หรือคนเก่งก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นที่ขัดต่อความผิดได้ เพราะเกรงกลัวต่อผู้ที่มีอำนาจในสังคม
๓. ด้านศาสนา เนื้อเพลงสะท้อนให้เห็นว่า ปัจจุบันศาสนาได้เสื่อมลงไปมากความเสื่อมนี้ไม่ได้เกิดจากพระธรรมคำสอนเอง แต่หากเกิดจากจิตใจอันหยาบช้าของผู้ที่อาศัยชายผ้าเหลืองทำมาหากิน เพราะบุคคลเหล่านี้ไม่ได้บวชเพราะตั้งใจศึกษาพระธรรมด้วยจิตใจอันบริสุทธิ์ แต่หากเกิดจากความลุ่มหลง ความโลภ มุ่งหวังใช้พระศาสนาเป็นเครื่องมือทำมาหากินเพียงเท่านั้น
จากภาพสะท้อนสังคมในด้านต่างๆ ที่ปรากฏในบทเพลงโนเบลนี้ นับว่าเป็นความจริงที่กำลังปรากฏในสังคมไทย จะเห็นได้ว่าคนไทยสมัยนี่มีค่านิยมที่เปลี่ยนไป คนไทยมีนิสัยเห็นแก่ตัวมากยิ่งขึ้น ชิงดีชิงเด่นเพื่อที่จะให้ได้มาซึ่งผลลัพธ์ที่ตนปรารถนา จากสังคมที่เคยมีวัฒนธรรมความเป็นอยู่ที่ดีงาม กำลังถูกทำลายไปโดยน้ำมือของคนในชาติเอง คงยังไม่สายเกินไปที่จะทำให้สังคมไทย กลับมาเป็นสังคมแห่งความรัก ความสามัคคี และอุดมไปด้วยปัญญาแห่งความรู้ ควบคู่ไปกับการพัฒนาการศึกษาไทยมากกว่าเห็นคุณค่าของวุฒิการศึกษาดั่งที่เคยเป็นมา
ขอบคุณภาพและเสียงจาก Youtube
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น